ดวงโคม
(Luminaire) ที่มา...
สมาคมไฟฟ้าแสงสว่างแห่งประเทศไทย (www.tiea.net)
โคมไฟฟ้าทำหน้าที่บังคับแสงของหลอดให้ไปในทิศทางที่ต้องการ
โคมไฟฟ้ามีใช้กันมากมายหลายชนิดขึ้นอยู่กับการใช้งาน ทั้งภายในและนอกอาคาร
จึงจำเป็นต้องเลือกใช้โคมที่สามารถประหยัดพลังงานและมีคุณภาพที่ดี
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกโคมไฟฟ้า
1. ความปลอดภัยของโคม
2. ประสิทธิภาพของโคมไฟฟ้า (Luminaire efficiency)
3. ค่าสัมประสิทธิ์การใช้งานของโคมไฟฟ้า (Coefficients of Utilization)
4. แสงบาดตาของโคม (Glare)
5. กราฟการกระจายแสงของโคม (Distribution Curve)
6. การระบายความร้อนของโคม
7. อายุการใช้งาน
8. สถานที่ติดตั้ง
ประเภทของดวงโคม มีทั้งแบบใช้งานในอาคารและนอกอาคาร
ที่พบเห็นทั่วไปได้แก่
โคมไฟส่องลง
โคมไฟส่องขึ้น
โคมฟลูออเรสเซนต์
โคมไฟโรงงานหลอดปล่อยประจุความดันไอสูง
โคมไฟสาด
1.
โคมไฟส่องลง (Downlight)
หมายถึง โคมไฟที่ให้แสงลงด้านล่าง เหมาะสำหรับใช้งานส่องสว่างทั่วไปอาจจะเป็น
ชนิดฝัง ติดลอย แขวน หรือกึ่งฝังกึ่งลอย มีทั้งแบบที่ใช้กับหลอดอินแคนเดสเซนต์
, หลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์ และหลอดปล่อยประจุความดันไอสูง
|
|
โคมไฟส่องลงชนิดฝัง
|
โคมไฟส่องลงชนิดแขวน
|
|
|
โคมไฟส่องลงชนิดติดลอย
|
โคมไฟส่องลงชนิดกึ่งฝังกึ่งลอย
|
โคมไฟส่องลงหลอดอินแคนเดสเซนต์
1. ใช้กับงานเฉพาะที่ต้องการความสวยงาม หรือเปิดใช้เป็นครั้งคราว
2. ใช้กับงานที่ต้องการปรับหรี่แสง
โคมไฟส่องลงหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์
1. ใช้กับงานที่ต้องการเปิดใช้งานนานๆ
2. โคมไฟที่ใช้เป็นชนิดที่ถูกออกแบบมาสำหรับหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์โดยเฉพาะ
3. โคมไฟส่องลงหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์ มี 2 แบบ คือหลอดติดตั้งในแนวนอน
และหลอดติดตั้งในแนวตั้ง
|
|
ลักษณะโคมหลอดติดตั้งแนวนอน
|
|
|
ลักษณะโคมหลอดติดตั้งแนวตั้ง
|
หลอดติดตั้งในแนวนอน ข้อดีคือแสงกระจายออกจากโคมมากกว่า
แต่ต้องระวังเรื่องการระบายความร้อนและการเปลี่ยนหลอด
หลอดติดตั้งในแนวตั้ง ข้อดีคือไม่มีปัญหาเรื่องการระบายความร้อนแต่ต้องระวังเรื่องแสงบาดตา
โคมไฟส่องลงหลอดปล่อยประจุความเข้มสูง
1. ใช้กับงานที่มีความส่องสว่างสูง หรือบริเวณที่มีเพดานสูง
2. ใช้กับงานที่ต้องการเปิดใช้งานนานๆ
3. ใช้เวลาในการจุดหลอดนานประมาณ 3-10 นาที
ข้อควรระวัง
การเปลี่ยนไปใช้หลอดประหยัดพลังงานแทนหลอดอินแคนเดสเซนต์ภายในโคมเดิม
ให้ระวัง
1. แสงบาดตาและการระบายความร้อน ถ้าระบายความร้อนไม่ดีปริมาณแสงอาจลดลงถึง
40% และอายุหลอดสั้นลง
2. การกระจายแสงและประสิทธิภาพของโคมโดยทั่วไปลดลง
2.
โคมไฟส่องขึ้น
หมายถึง โคมไฟที่ให้แสงขึ้นไปด้านบนเพื่อให้แสงสะท้อนที่เพดานและตกกระทบมายังพื้นที่ทำงาน
โคมดังกล่าวเหมาะสำหรับ งานเพดานสูงและเพดานมีสีอ่อน ใช้กับบริเวณที่ต้องการความสม่ำเสมอของแสงสำหรับบริเวณที่ความส่องสว่างน้อยประมาณ
200-300 ลักซ์ และสำหรับห้องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ต้องการแสงสะท้อนเนื่องจากโคมไฟส่องลง
คุณสมบัติและการใช้งานของโคมไฟส่องขึ้น
1. มีความสม่ำเสมอของแสงและทำให้ห้องที่แคบมีความรู้สึกกว้างและมีบรรยากาศดี
2. โคมไฟส่องขึ้นโดยทั่วไปให้ประสิทธิภาพต่ำ แต่มีคุณภาพแสงสูงคือไม่มีแสงบาดทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการคุณภาพ
แสงสูงเช่น ห้องคอมพิวเตอร์ , ศูนย์ควบคุม
3. การใช้โคมไฟดังกล่าวเพดานต้องสูงมากกว่า 2.7 เมตรขึ้นไป เพื่อให้ไม่เกิดความร้อนที่เพดาน
และไม่สว่างจ้าเกินไป
3.
โคมฟลูออเรสเซนต์
หลอดฟลูออเรสเซนต์เป็นหลอดไฟที่ใช้กันมากเพราะมีค่าประสิทธิผลการส่องสว่างสูง
(Luminous Efficacy) โคมไฟสำหรับ หลอดฟลูออเรสเซนต์จึงมีหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละชนิดแตกต่างกันไป
ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1. โคมฟลูออเรสเซนต์เปลือย (Bare Type Luminaires)
2. โคมฟลูออเรสเซนต์โรงงาน (Industrial Luminaire)
3. โคมฟลูออเรสเซนต์กรองแสง (Diffuser Luminaire)
4. โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรง (Louver Luminaire)
โคมฟลูออเรสเซนต์เปลือย (Bare Type Luminaires)
ใช้กับงานที่ต้องการแสงออกด้านข้างที่ติดตั้งสำหรับเพดานที่ไม่สูงมากนักโดยทั่วไปไม่เกิน
4 เมตร และไม่พิถีพิถันมากนักกับ แสงบาดตาเช่น ห้องเก็บของ ที่จอดรถ
พื้นที่ที่มีชั้นวางของ ในพื้นที่ใช้งานไม่บ่อย และไม่ต้องการความสวยงามมาก
คุณสมบัติและการใช้งานของโคมฟลูออเรสเซนต์เปลือย
1. โคมดังกล่าวมีราคาถูก ทำความสะอาดง่าย และให้แสงสว่างในทุกทิศทาง
2. โคมดังกล่าวไม่มีตัวครอบ วัตถุภายนอกสามารถมากระแทกกับหลอดทำให้หลอดหลุดร่วงลงมาได้
3. โคมดังกล่าวมีแสงบาดตาจากหลอด
โคมฟลูออเรสเซนต์โรงงาน
เป็นโคมที่มีแผ่นสะท้อนแสงเพื่อควบคุมแสงให้ไปในทิศทางที่ต้องการ
แผ่นสะท้อนแสงอาจทำจากแผ่นอลูมิเนียม, แผ่นเหล็กพ่น สีขาว หรือวัสดุอื่นที่มีการสะท้อนแสงสูง
คุณสมบัติและการใช้งานของโคมฟลูออเรสเซนต์โรงงาน
1.
โคมดังกล่าวมีราคาถูกกว่าโคมหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเปลือย ทำความสะอาดง่ายและให้แสงสว่างมากในทิศทางที่ส่องไป
2. โคมดังกล่าวไม่มีตัวครอบวัตถุภายนอกสามารถมากระแทกกับหลอดทำให้หลอดสามารถหลุดร่วงลงมาได้
3. โคมดังกล่าวไม่เน้นความสวยงาม และมีแสงบาดตาจากหลอด
โคมฟลูออเรสเซนต์กรองแสง (Diffuser luminaire)
โดยทั่วไปแผ่นกรองแสงมี 3 แบบด้วยกันคือ
1.
แบบเกล็ดแก้ว (Prismatic diffuser)
2.
แบบขาวขุ่น (Opal diffuser)
3.
แบบผิวส้ม (Stipple diffuser)
โคมไฟดังกล่าวมีแผ่นกรองแสงปิดหลอดทั้งหมดเพื่อลดแสงบาดตาจากหลอด
โคมประเภทนี้มีทั้งแบบติดฝังฝ้าหรือติดลอย หรือแบบตัวยู (U-shape)
อาจเพิ่มแผ่นสะท้อนแสงอลูมิเนียมแบบเงา (Specular surface) หรือ
แบบกระจายแสง (Diffuser surface) ที่ด้านหลังหลอดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโคมไฟ
โดยทั่วไปจะแนะนำเป็นแบบกระจายแสงที่มีค่าการ สะท้อนแสงโดยรวมสูงเท่ากับแบบเงา
โคมประเภทนี้เหมาะกับงานที่ต้องการแสงบาดตาจากหลอดต่ำและไม่ต้องการความเข้ม
ส่องสว่างสูงมากนักเช่น ในโรงพยาบาลที่ไม่ให้แสงรบกวนคนไข้ ห้องประชุมที่ไม่ต้องการแสงบาดตา
และแสงสว่างมาก
คุณสมบัติและการใช้งานของโคมฟลูออเรสเซนต์กรองแสง
1.
โคมดังกล่าวมีราคาไม่สูงมากและแสงบาดตาจากหลอดน้อย
2. โคมดังกล่าวมีประสิทธิภาพต่ำไม่เหมาะกับการประหยัดพลังงาน
3. โคมดังกล่าวเหมาะกับงานที่ไม่ต้องการแสงบาดตาจากหลอด เช่น
โรงพยาบาล
4. โคมดังกล่าวเหมาะใช้กับงานกับห้อง Clean room และห้องเพดานต่ำ
เช่น ห้องที่มีความสูงประมาณ 2.3 เมตร เป็นต้น
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรง (Louver luminaire)
มีทั้งแบบติดลอยและฝังฝ้า ลักษณะของโคมไฟประกอบด้วยแผ่นสะท้อนแสงด้านข้างและอาจมีแผ่นสะท้อนแสงด้านหลังหลอด
เพิ่มเข้ามาเพื่อสะท้อนแสงและควบคุมแสงให้ไปในทิศทางที่ต้องการ
ส่วนตัวขวางจะสามารถลดแสงบาดตาเช่น ในมุมที่เลย มุมตัดแสง โดยทั่วไปแผ่นสะท้อนแสงและตัวขวางจะทำจากอลูมิเนียม
(Anodized) ซึ่งมีทั้งแบบเงา (Specular Surface) และแบบกระจาย
(Diffuser Surface) ขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบและลักษณะการใช้งานของโคมไฟนั้น
ซึ่งโคมฟลูออเรสเซนต์ ตะแกรงมีส่วนประกอบต่างๆดังแสดงในรูป
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงจำแนกออกได้เป็น
3 ชนิดคือ
1.
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบตัวขวาง (Profile Mirror Louver Luminaire)
2. โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบพาราโบลิกจตุรัส (Square Parabolic
Louver Luminaire)
3. โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบช่องถี่ (Mesh Louver Luminaire)
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบตัวขวาง
มีตัวขวาง 3 แบบด้วยกันคือ ตัวขวางริ้ว ตัวขวางเรียบ และ ตัวขวางพาราโบลิกคู่
ซึ่งเมื่อพิจารณาคุณภาพแสงตามแนวยาว ของโคมดังกล่าว แบบตัวขวางพาราโบลิกคู่จะมีแสงบาดตาน้อยกว่าแบบตัวขวางริ้วหรือแบบตัวขวางเรียบ
และแสงบาดตาของ แบบตัวขวางริ้วใกล้เคียงกับแบบตัวขวางเรียบซึ่งโคมดังกล่าวทั้ง
3 แบบมีรายละเอียดดังนี้
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบตัวขวางริ้ว
เป็นโคมไฟที่มีตะแกรงทำขึ้นจากแผ่นสะท้อนแสงอลูมิเนียมตามแนวยาวของหลอด
โดยจะแบ่งช่องตามแนวยาวให้เท่ากับจำนวน หลอด ส่วนตามแนวขวางของหลอดจะมีตัวขวางแบ่งเป็นช่องๆซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งโดยประมาณเป็น
14 ช่องสำหรับโคม ยาว 1.2 เมตร และ 7 ช่อง สำหรับโคมยาว 0.6
เมตร ซึ่งจำนวนช่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบและผู้ผลิตแต่ละราย
ซึ่งตัวขวางของ โคมทำหน้าที่หักเหแสงและจัดมุมภาพของหลอดเพื่อลดแสงบาดตา
โคมไฟชนิดนี้โดยทั่วไปนิยมใช้ในพื้นที่สำนักงานที่มีการใช้ จอคอมพิวเตอร์น้อย
คุณสมบัติและการใช้งานของโคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบตัวขวางริ้ว
1.
เป็นโคมไฟที่มีประสิทธิภาพสูง 60-80% (ขึ้นอยู่กับการออกแบบและวัสดุที่ใช้ในการผลิต)
2. โดยทั่วไปค่า S/H สูง จึงสามารถทำให้ใช้จำนวนโคมน้อยสำหรับความส่องสว่างที่สม่ำเสมอโดยทั่วพื้นที่
3. เหมาะสมกับการใช้ในพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ทำงานทั่วไป
4. ห้องทำงานที่มีจอคอมพิวเตอร์ หรือ ห้องควบคุมที่มีจอมอนิเตอร์
ให้ระวังการใช้โคม ประเภทนี้เพราะแสงบาดตาจากโคม อาจจะปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์
หรือ จอมอนิเตอร์ได้
5. ถ้าใช้วัสดุในการผลิตแผ่นสะท้อนแสงที่มีคุณภาพสูงจะสามารถลดแสงสีรุ้งที่เกิดจากหลอดฟลูออเรสเซนต์
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบตัวขวางเรียบ
เป็นโคมไฟที่มีคุณสมบัติเหมือนโคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบตัวขวางริ้ว
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบตัวขวางพาราโบลิกคู่
เป็นโคมไฟที่มีตัวสะท้อนแสงทั้งตามแนวยาวและแนวขวางกับหลอดขึ้นเป็นรูปโค้งพาราโบลิก
(Parabolic curve) โดยจะแบ่งช่องตามแนวยาวให้เท่ากับจำนวนหลอด
ส่วนตามแนวขวางของหลอดจะมีตัวขวางแบ่งเป็นช่องๆซึ่งโดยทั่วไปแล้ว
จะแบ่งโดยประมาณเป็น 14 ช่องสำหรับโคมยาว 1.2 เมตร และ 7 ช่อง
สำหรับโคมยาว 0.6 เมตร ซึ่งจำนวนช่องนี้ขึ้นอยู่กับ ผู้ออกแบบและผู้ผลิตแต่ละราย
โคมไฟนี้โดยส่วนมากมีแสงบาดตาน้อยกว่าแบบตัวขวางริ้ว จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่
สำนักงานที่มีจอคอมพิวเตอร์อยู่เกือบทั่วพื้นที่ที่ต้องการแสงบาดตาน้อย
เช่น ห้องประชุม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
คุณสมบัติและการใช้งานของโคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบตัวขวางพาราโบลิกคู่
1.
เป็นโคมไฟที่มีประสิทธิภาพสูง 60-80% (ขึ้นอยู่กับการออกแบบและวัสดุที่ใช้ในการผลิต)
2. โดยทั่วไปค่า S/H สูงพอประมาณ จึงสามารถทำให้ใช้จำนวนโคมน้อยสำหรับความส่องสว่างที่สม่ำเสมอโดยทั่วพื้นที่
3. แสงบาดตาจากโคมไฟน้อยเหมาะกับการใช้ในพื้นที่สำนักงานที่มีจอคอมพิวเตอร์ทำงานอยู่ทั่วพื้นที่
4. ถ้าใช้วัสดุในการผลิตแผ่นสะท้อนแสงที่มีคุณภาพสูงจะสามารถลดแสงสีรุ้งที่เกิดจากหลอดฟลูออเรสเซนต์
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบพาราโบลิกจตุรัส
เป็นโคมตะแกรงที่ประกอบจากแผ่นสะท้อนแสงทั้งตามแนวหลอดและแนวขวางหลอดเป็นส่วนโค้ง
(Parabolic) ประกอบการขึ้นเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพื่อลดแสงบาดตาจากหลอด
วัสดุที่ใช้ส่วนมากจะเป็นแบบเงา (Specular surface) หรือ แบบกระจายแสง
(Diffuser surface) เป็นโคมไฟที่นิยมใช้ในพื้นที่ที่ต้องการแสงนุ่มและแสงบาดตาน้อย
เช่น ในห้องประชุมระดับผู้บริหาร ห้องผู้บริหาร ห้องประมวลผลข้อมูล
ห้องแสดงสินค้า
คุณสมบัติและการใช้งานของโคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบพาราโบลิกจตุรัส
1.
เป็นโคมไฟที่ให้แสงนุ่ม และแสงบาดตาน้อย
2. พื้นที่ระดับเพดานหรือผนังที่ใกล้เพดานจะมืดเพราะ มุมตัดแสง
ของโคมไฟแคบจึงควรระวังในการวางตำแหน่งโคมไฟ
3. โคมไฟชนิดนี้ให้ประสิทธิภาพแสงต่ำกว่าแบบตัวขวางน้อย แต่คุณภาพแสงดีกว่า
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบช่องถี่
เป็นโคมฟลูออเรสเซนต์ที่มีตะแกรงถี่มาก อยู่ในเกณฑ์ประมาณ หนึ่งนิ้วหรือน้อยกว่า
ตะแกรงดังกล่าวอาจทำจากวัสดุที่เป็น อลูมิเนียมหรือวัสดุอย่างอื่น
ซึ่งมีทั้งแบบตะแกรงขาวธรรมดาหรือเป็นสีเงินเพื่อความสวยงาม
ลายตะแกรงอาจเป็นสีเหลี่ยม หรือวงกลม หรือหกเหลี่ยม หรือลายสวยงามอย่างอื่น
โคมฟลูออเรสเซนต์แบบนี้ไม่ประหยัดพลังงาน แต่เน้นทางด้านความ
สวยงามหรือไม่ก็เน้นทางด้านคุณภาพแสง เพราะให้แสงบาดตาน้อย ใช้ในพื้นที่จำเป็นที่ไม่ต้องการแสงบาดตา
หรือบริเวณที่ ต้องการความสวยงาม เช่น เคาน์เตอร์ต้อนรับ หรือประชาสัมพันธ์
เป็นต้น
คุณสมบัติและการใช้งานของโคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงแบบช่องถี่
1.
เป็นโคมไฟที่มีประสิทธิภาพไม่สูงเมื่อเทียบกับโคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรงอย่างอื่นโดยทั่วไป
ค่าระยะห่างระหว่างโคมไฟ ต่อ ความสูงเหนือระนาบทำงาน (S/H) มีค่าต่ำจึงใช้จำนวนโคมมากสำหรับความสว่างที่สม่ำเสมอโดยทั่วพื้นที่
2. ไม่เหมาะกับพื้นที่เพดานต่ำเพราะเมื่อใช้โคมไฟชนิดนี้จะทำให้เพดานมืด
3. โคมไฟชนิดนี้ให้แสงบาดตาน้อยเหมาะใช้กับพื้นที่ที่มีจอคอมพิวเตอร์
แต่ไม่ประหยัดพลังงานและบำรุงรักษายาก
4.โคมไฟโรงงานหลอดปล่อยประจุความดันไอสูง
โคมไฟประเภทนี้โดยส่วนมากจะมีตัวสะท้อนแสงเป็นแบบอลูมิเนียม
(Aluminium Reflector) หรือ ตัวหักเหแสงพลาสติก (Plastic Reflactor)
อาจจะมีเลนส์ ปิดหน้าหลอดก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละอุตสาหกรรม
ความสูง การกระจายแสงของโคมไฟที่ต้องการ ซึ่งการกระจายแสงของโคมไฟมี
2 ลักษณะดังนี้
1. โคมแบบลำแสงกว้าง (Wide Beam) เหมาะสำหรับการติดตั้งที่ความสูงระดับ
4-7 เมตร
2. โคมแบบลำแสงแคบ (Narrow Beam) เหมาะสำหรับการติดตั้งที่ความสูงประมาณ
6 เมตรขึ้นไป
นอกจากนี้โคมดังกล่าวจะมีรูปแบบแสงต่างๆ เช่นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมเป็นต้น
ซึ่งลักษณะรูปแบบของโคมจะเป็นดังรูป
|
|
|
แสงสว่างไม่สม่ำเสมอ
|
แสงสว่างสม่ำเสมอ
|
แสงสว่างสม่ำเสมอมาก
|
โคมแบบการกระจายแสงวงกลมเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่ไม่กว้างมาก
หรือพื้นที่ที่ไม่พิถีพิถันกับความสม่ำเสมอของแสง ส่วนโคมแบบกระจายแสงสี่เหลี่ยมเหมาะสำหรับใช้พื้นที่ที่กว้างและต้องการความสม่ำเสมอของแสงโดยทั่วพื้นที่
ซึ่งจะทำให้ สามารถประหยัดโคมไฟและจำนวนหลอดได้ดีกว่า
การเลือกโคมไฟแบบการกระจายแสงแบบวงกลมการเลือกใช้กำลังไฟฟ้า
ของหลอดปล่อยประจุความดันไอสูงนั้นจะต้องคำนึงถึง ความสูงในการติดตั้งตารางข้างล่างนี้เป็นตารางที่แนะนำให้ใช้เท่านั้น
เพื่อความละเอียดและถูกต้องควรจะเลือกและคำนวณจาก ข้อมูลและกราฟของโคมไฟแต่ละชนิด
ชนิดและกำลังไฟฟ้าของหลอด
|
ความสูงต่ำสุดสำหรับการติดตั้ง
(เมตร)
|
หลอดเมทัลฮาไลด์
250 วัตต์
|
4
|
หลอดเมทัลฮาไลด์
400 วัตต์
|
5
|
หลอดเมทัลฮาไลด์
1000 วัตต์
|
6
|
หลอดไอปรอท
250 วัตต์
|
4
|
หลอดไอปรอท
400 วัตต์
|
5
|
หลอดไอปรอท
1000 วัตต์
|
6
|
หลอดโซเดียมความดันสูง
250 วัตต์
|
4
|
หลอดโซเดียมความดันสูง
400 วัตต์
|
6
|
หลอดโซเดียมความดันสูง
1000 วัตต์
|
8
|
คุณสมบัติและการใช้งานของโคมไฟโรงงานหลอดปล่อยประจุความดันไอสูง
1.
โคมไฟชนิดนี้มีน้ำหนักมาก ต้องติดตั้งให้มั่นคงแข็งแรงเหมาะสำหรับติดตั้งบริเวณเพดานสูง
แทนหลอดฟลูออเรสเซนต์
2. โคมต้องมีครอบแก้วปิดในกรณีที่ใช้ในพื้นที่ที่เกิดอันตรายมากเมื่อหลอดแตกที่ผู้ผลิตแนะนำ
3. การใช้วัตต์ต่างกันในพื้นที่เดียวกันให้ระวังสีของหลอดที่แตกต่างกัน
4. การเลือกใช้หลอด ชุดควบคุมให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต
เพราะมิฉะนั้นอาจจะทำให้อายุการใช้งานสั้น แสงไม่ได้ตาม ที่ต้องการ
สีเพี้ยน และไม่ประหยัดพลังงาน
5. โคมไฟสาด
โคมไฟสาดโดยทั่วไปใช้สำหรับงานส่องเน้นสถาปัตยกรรมตัวอาคาร หรือเพื่อการส่องสว่างสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่
เช่น สนามกีฬา ลานจอดรถ สถานที่ก่อสร้าง บริเวณขนถ่ายสินค้า
เป็นต้น
คุณลักษณะทางกลศาสตร์
เนื่องจากโคมไฟสาดติดตั้งอยู่ภายนอกอาคาร ดังนั้นสิ่งที่ควร
คำนึงถึงคือ
1. ความสามารถในการป้องกันน้ำและฝุ่นผง
อย่างน้อยควรมีค่า IP54
2. วัสดุที่ใช้ทำตัวโคม ต้องเป็นวัสดุที่ทนการสึกกร่อนได้ดี
มีความแข็งแรงและทนทานต่อการกระแทก โดยทั่วไปโครงสร้าง ของโคมทำจากอะลูมิเนียมหล่อ
ขึ้นรูปโดยใช้แม่พิมพ์ (Die-Cast Aluminium)
3. กระจกที่ปิดหน้าโคมไฟสาด ต้องเป็นกระจกนิรภัยทนความร้อนที่เหมาะกับการใช้งานภายนอกอาคาร
4. น้ำหนักของโคมกับสถานที่ติดตั้ง
โคมไฟสาดที่ติดตั้งในที่สูง-โล่ง ควรคำนึงถึงแรงปะทะของลม
คุณลักษณะทางแสง
1.
การกระจายแสงของโคม แบ่งประเภทของโคมไฟสาดได้ ตามกราฟการกระจายแสงของโคมตามที่
CIE 43 (TC-2.4) 1979 กำหนดคือ
การกระจายแสงสมมาตรสมบูรณ์ (Rotationally Symmetric distribution)
โคมแบบนี้มีโครงสร้างง่ายเหมาะสำหรับ งานไฟสาดทั่วไปที่ไม่ได้เน้นความสม่ำเสมอของแสงมาก
การกระจายแสงสมมาตร 2 ระนาบ (Distribution symmetrical about
two planes) เหมาะกับงานที่ต้องการความ ส่องสว่างสม่ำเสมอดีกว่าแบบแรก
การกระจายแสงสมมาตร 1 ระนาบ (Distribution symmetrical about
one plane) เหมาะกับงานที่ต้องการความ ส่องสว่างสม่ำเสมอและมีการสาดไประยะไกล
การกระจายแสงไม่สมมาตร (Asymmetric Distribution) การเลือกใช้โคมที่มีการกระจายแสงไม่สมมาตรขึ้นอยู่กับลักษณะ
งานซึ่งกราฟกระจายแสงของโคมอาจมีรูปร่างต่างกันไป
2.
มุมลำแสง แบ่งประเภทของโคมไฟสาดได้ ตามมุมลำแสงตามที่
NEMA กำหนด คือ
มุมกว้าง เหมาะสำหรับสาดอาคารที่ไม่สูง มีพื้นที่ด้านข้างมากๆ
มีระยะที่สาดไม่ไกลนัก
มุมปานกลาง เหมาะสำหรับระยะสาดปานกลาง
มุมแคบ เหมาะสำหรับสาดอาคารสูง มีระยะที่สาดไกล
|
มุมลำแสงแคบ
มุมลำแสงปานกลาง มุมลำแสงกว้าง
|
ตารางแสดงมุมลำแสงกับระยะที่สาด
ชนิดลำแสง
|
ย่านมุมลำแสง
|
ระยะที่สาด
|
1
2
3
4
5
6
7
|
10-18
18-29
29-48
48-70
70-100
100-130
130 ขึ้นไป
|
70
เมตร หรือมากกว่า
60-70 เมตร
53-60 เมตร
44-53 เมตร
30-44 เมตร
24-30 เมตร
ต่ำกว่า 24 เมตร
|
รูปทรงของโคมไฟสาด
1. โคมไฟสาดทรงสี่เหลี่ยม
มักมีตัวถังห่อหุ้มที่มีความแข็งแรงทนทานต่อแรงกระแทกได้ดีกว่าแบบทรงกลม
จึงเหมาะกับการติดตั้งในที่ที่ผู้คนสามารถ ผ่านไปมาและอาจจะทำให้ตัวโคมเสียหายได้
โดยทั่วไปโคมรูปทรงนี้จะมีน้ำหนักมากและมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ไม่เหมาะที่ติดตั้ง
ในที่สูง-โล่ง เพราะจะได้รับแรงปะทะจากลมสูงมาก
2.
โคมไฟสาดทรงกลม
มักมีตัวถังห่อหุ้มเฉพาะอุปกรณ์ควบคุมและขั้วหลอดเท่านั้น แต่ในส่วนของตัวสะท้อนแสงจะไม่มีตัวถังห่อหุ้ม
โดยทั่วไปจะ มีเลนส์ปิดข้างหน้าเพื่อป้องกันหลอดอีกชั้นหนึ่ง
โคมไฟสาดทรงกลมมีรูปร่างกะทัดรัดและมีน้ำหนักไม่มาก เหมาะสำหรับติดตั้ง
ในที่สูง-โล่ง เช่น บนเสาสูงสำหรับสนามกีฬา
โคมและหลอดกับการเลือกใช้
โคมไฟสาดอาจใช้หลอดทังสเตนฮาโลเจน หรือหลอดปล่อยประจุความดันไอสูงก็ได้
ขึ้นอยู่กับการใช้งาน การเลือกใช้โคมและ หลอดให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการใช้งานจะช่วยประหยัดพลังงานได้
1. การส่องป้ายโฆษณา หรือสถานที่ก่อสร้าง ที่ใช้โคมไฟสาดหลอดทังสเตนฮาโลเจน
เนื่องจากโคมมีราคาถูก แต่มีปัญหาเรื่องอายุ การใช้งานของหลอดสั้นและต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูง
ไม่ประหยัดพลังงาน (งานที่ต้องการให้เปิดไฟแสงสว่างได้ทันที
ต้องใช้ หลอดและโคมประเภทนี้ ถึงแม้จะไม่ประหยัดพลังงานก็ตาม)
2. การส่องเน้นสถาปัตยกรรมตัวอาคาร ต้องพิจารณาความส่องสว่างรอบข้างเพื่อเลือกขนาดวัตต์และจำนวนของโคม
การใช้โคม ไฟสาดหลอดปล่อยประจุความดันไอสูง ต้องเลื่อกสีของแสงที่ได้จากหลอดให้เหมาะสมกับสีของสถาปัตยกรรมที่ต้องการส่องเน้น
เช่น หลอดเมทัลฮาไลด์ ให้แสงสีขาว หลอดโซเดียมความดันสูง ให้แสงสีเหลืองทอง
3. การส่องสว่างสนามกีฬาที่ต้องการความถูกต้องของสีสูงเพื่อการถ่ายทอดโทรทัศน์
ควรใช้หลอดเมทัลฮาไลด์
4. การส่องสว่างสนาม ลานจอดรถ บริเวณขนถ่ายสินค้าที่ไม่ต้องการความถูกต้องของสีมาก
ให้ใช้หลอดโซเดียมความดันสูง
ข้อควรระวัง
1. เนื่องจากหลอดที่ใช้กับโคมไฟสาดที่ให้ความเข้มแสงสูงมากอาจเป็นอันตรายต่อสายตาได้
จึงต้องเลือกตำแหน่งในการติดตั้ง ให้เหมาะสมหรือเลือกใช้โคมไฟสาดที่ออกแบบให้โคมสามารถบังแสง
(Shield Type) เพื่อไม่ให้มองเห็นแสงหรือภาพของ หลอดปรากฏโดยตรงในมุมที่ไม่พึงประสงค์
และช่วยลดแสงบาดตาที่เกิดจากหลอดและตัวสะท้อนแสงให้มีน้อยที่สุด
หรืออาจมีตัวกรองแสงปิดที่หน้าโคมซึ่งอาจเป็นเลนส์ หรือกระจกที่ป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต
2. โคมที่ใช้หลอดเมทัลฮาไลด์ที่มีขนาดวัตต์สูง ตัวโคมควรมีสวิตช์ตัดตอน
(Disconnecting Switch) ในการซ่อม เพื่อให้ปลอดภัยและป้องกันอันตรายจากรังสีอัลตราไวโอเลต
หน้าแรก
|