NECTEC
NSTDA
Home
Computer
Program
Internet & Web
Graphics
CAI
Multimedia
Electrical Power
General Education
Special Education
Links
Webmaster
Electrical Power

ศัพท์เฉพาะในระบบแสงสว่าง (Terminology)

1. มุมตัน (Solid angle) หมายถึงมุมยอดที่ถูกรองรับด้วยพื้นผิวใดๆ แทนด้วยสัญญลักษณ์ มีหน่วยเป็นสเตอเรเดียน (steradian) ใช้อักษรย่อ Sr. และสามารถหาได้จากสูตร

                                                               

เมื่อ A = พื้นที่ที่รองรับมุม
       r  = รัศมี หรือระยะทางจากจุดยอดมุมถึงพื้นที่ที่รองรับมุม

แสดงทรงกลมที่มีรัศมี 1 เมตร หากเราเจาะพื้นที่ทรงกลมลงไป ดังรูป โดยให้ผิวทรงกลมมีพื้นที่ขนาด 1 ตารางเมตรก็จะได้ มุมตัน 1 Sr. พอดี ถ้าพิจารณาพื้นที่ผิวทรงกลมทั้งหมด ซึ่งมีค่าเท่ากับ ก็อาจกล่าวได้ว่ามุมตันรอบทรงกลม มีค่าเท่ากับ หรือเท่ากับ สเตอเรเดียน

2. ปริมาณแสงหรือฟลักซ์ส่องสว่าง (Luminous Flux) หมายถึงฟลักซ์การส่องสว่างของแหล่งกำเนิดแสงในมุม solid angle ใดๆ แทนด้วยสัญญลักษณ์ มีหน่วยเป็น lumen หรือใช้อักษรย่อ lm.

ปริมาณแสง 1 ลูเมน หมายถึงปริมาณแสงที่เปล่งออกไปในมุม solid angle 1 Sr. ด้วย Point source ที่มีความเข้มแห่งการส่องสว่าง 1 candela
หรือหมายถึง ปริมาณแสงที่เปล่งจาก Point source 1 candela ไปตกบนพื้นที่ 1 ตารางฟุตบนพื้นผิววัตถุซึ่งวางห่าง 1 ฟุต

**** Point source คือแหล่งกำเนิดแสง ที่เป็นจุดมีความจ้ามากเช่น ดวงอาทิตย์ , เทียนไข , หลอดอินแคนเดสเซนต์เป็นต้น

จากนิยามของปริมาณแสงสามารถเขียนเป็นสูตรได้ดังนี้คือ

                                                           

เมื่อ = ปริมาณแสงย่อยใดๆ หน่วยเป็น lumen
          I = ความเข้มแห่งการส่องสว่าง หน่วยเป็น candela
      = มุม solid angle ย่อยใดๆ หน่วยเป็น steradian

ปริมาณแสงมีความสัมพันธ์กับปริมาณอื่นๆ ทางด้านแสงสว่างหลายตัวเช่น ความเข้มแห่งการส่องสว่าง , ความส่องสว่าง , ความสว่างเป็นต้น

3. ความเข้มแห่งการส่องสว่าง (Luminous intensity) หมายถึงความหนาแน่นของปริมาณแสงภายในมุม solid angle ที่กำหนดให้ ความเข้มแสงจะชี้ให้เห็นถึงความสามารถของแหล่งกำเนิดแสงในการให้ค่าการส่องสว่างในทิศทางที่กำหนด แทนด้วยสัญญลักษณ์ I หน่วยเป็น candela หรือใช้อักษรย่อ cd. สามารถหาได้จากสูตร

                                                          

โดย 1 cd = 1  lm/Sr.

4. ความส่องสว่าง (illuminance) หมายถึงความหนาแน่นของฟลักซ์ส่องสว่าง (ปริมาณแสง) ที่ตกกระทบบนพื้นผิวใดๆ แทนด้วยสัญญลักษณ์ E โดย

                            

สมการที่ 1 เป็นความส่องสว่างเฉลี่ยที่เกิดบนพื้นที่ใดๆ
สมการที่ 2 เป็นความส่องสว่างเฉพาะจุดใดๆ



หน่วยของความส่องสว่างที่นิยมใช้มี 2 ระบบคือ
ระบบอังกฤษ มีหน่วยเป็น foot - candle เขียนย่อ fc. โดย   
ระบบ SI มีหน่วยเป็น lux เขียนย่อ lx โดย   
หมายเหตุ      1 fc = 10.76 lux

5. ความสว่าง (luminance) หมายถึงปริมาณแสงที่สะท้อนออกมาจากวัตถุต่อพื้นที่ มีหน่วยเป็น แคนเดลาต่อตารางเมตร ในระบบ SI หรือเป็น foot - lambert (fl.) ในระบบอังกฤษ ปริมาณแสงที่เท่ากันเมื่อตกกระทบลงมาบนวัตถุที่มีสีต่างกัน จะมีปริมาณแสงสะท้อนกลับต่างกัน นั่นคือ ลูมิแนนซ์ ต่างกัน สาเหตุที่ต่างกันก็เนื่องมาจากสัมประสิทธิ์การสะท้อนแสงของวัสดุ ต่างกัน

6. ประสิทธิผลการส่องสว่าง (luminous efficacy) หมายถึงอัตราส่วนระหว่างฟลักซ์การส่องสว่าง (ปริมาณแสง) กับกำลังงานที่ทำให้เกิดฟลักซ์การส่องสว่าง มีหน่วยเป็น lumen / watt อักษรย่อ lm/w

7. อุณหภูมิสี (color temperature) ในการกล่าวถึงอุณหภูมิสีมักพาดพิงถึงการแผ่รังสีของวัตถุดำ (black body radiation) เสมอ วัตถุดำหมายถึงวัตถุที่มีคุณสมบัติในการดูดกลืนพลังงานที่จ่ายให้แก่ตัวมันไว้ได้ทั้งหมด ไม่มีพลังงานส่วนใด พุ่งผ่านหรือสะท้อนกลับออกมาได้เลย และเมื่อคิดในแง่ของการจ่ายพลังงานวัตถุดำจึงเป็นตัวที่สามารถให้พลังงานออกมา ที่ทุกความยาวคลื่นมากกว่าแหล่งกำเนิดแสงชนิดอื่นๆ คุณลักษณะในการแผ่รังสีของวัตถุดำของ unknown area จะแสดงในรูปปริมาณ 2 ตัวคือ ค่า magnetude ของการแผ่รังสีที่ความยาวคลื่นใดๆ และค่า absolute temperature ซึ่งใช้อธิบายได้อย่างแม่นยำใน visible region ของสเปกตรัมสำหรับหลอดไส้ทังสเตน โดยวัตถุดำจะเปลี่ยนสีไปตามอุณหภูมิ ที่เพิ่มขึ้นจากแดงเป็น ส้ม เหลือง ฟ้า และขาวตามลำดับ ดังนั้นอุณหภูมิสีจึงถูกนำมาใช้ในการอธิบายสีของแหล่งกำเนิดแสง โดยเทียบกับสีของวัตถุดำเช่น สีที่ปรากฏให้เห็นของหลอดอินแคนเดสเซนต์คล้ายกับสีของวัตถุดำเมื่อถูกเผาที่อุณหภูมิประมาณ 3000 องศาเคลวิน (kelvin , K) เราจึงบอกว่าหลอดอินแคนเดสเซนต์มีอุณหภูมิสี 3000 องศาเคลวินเป็นต้น

8. Color rendering เป็นดัชนีแสดงค่าความเพี้ยนของสีสำหรับแหล่งกำเนิดแสงแต่ละตัวซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบ คุณลักษณะทางแสงสีของแหล่งกำเนิดแสงต่างๆ ได้จากการนำแหล่งกำเนิดแสงแต่ละตัวมาทดสอบเทียบกับแหล่งกำเนิด แสงมาตรฐาน โดยฉายแสงของแหล่งกำเนิดที่ต้องการทดสอบและแสงมาตรฐานสลับกันลงไปแผ่นตัวอย่างสี 8 ตัวตามที่ CIE กำหนดไว้ในระบบมุนเซลคือ P, RP, R, Y, GY, G, BG, PB ทำการวิเคราะห์หาค่าความยาวคลื่นเด่น (dominant wavelength) ความบริสุทธิ์ของการกระตุ้น (excitation purity) นำค่าทั้งหมดมาเฉลี่ยและเทียบกับแหล่งกำเนิดแสง มาตรฐาน หากตำแหน่งสีของแผ่นตัวอย่างสีเมื่อถูกส่องสว่างด้วยแหล่งกำเนิดทั้งสองไม่ต่างกันเลย แสดงว่าไม่มีความเพี้ยนของสี เกิดขึ้นและค่า color rendering index ของแหล่งกำเนิดนั้นจะมีค่าสูงสุดเท่ากับ 100 ถ้าแหล่งกำเนิดที่ถูกทดสอบใด ทำให้ตำแหน่งสีเปลี่ยนไปจะทำให้เกิดความเพี้ยนของสีขึ้น ตำแหน่งสียิ่งเปลี่ยนไปมากยิ่งทำให้ค่า color rendering index ลดลงซึ่งค่านี้ขึ้นอยู่กับ
     8.1 คุณลักษณะการสะท้อนแสงทางสเปกตรัมของแผ่นตัวอย่างสี
     8.2 การกระจายพลังงานทางสเปกตรัมของแหล่งกำเนิดแสงที่ถูกทดสอบ
     8.3 การกระจายพลังงานทางสเปกตรัมของแหล่งกำเนิดแสงมาตรฐาน
     8.4 การปรับตัวของตา

9. Beam axis หมายถึงตำแหน่งของแนวแสงซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างมุมเงย (elevation angle) 2 มุม ที่มีค่าความเข้มแห่งการส่องสว่างเป็น 90% ของความเข้มสูงสุดของดวงโคม

10. Beam efficiency หมายถึงอัตราส่วนของปริมาณแสงที่แผ่ออกไปในมุม solid angle ที่ถูกกำหนดด้วย Beam spread ต่อปริมาณแสงทั้งหมดของหลอดเปลือย (bare lamp)

11. Beam spread เป็นความกว้างของลำแสงในระนาบของ Beam axis ซึ่งคิดระหว่างมุมที่มีค่าความเข้มแห่งการ ส่องสว่างเป็น 10% ของความเข้มสูงสุดของดวงโคม ปกติจะแยกระบุ beam spread ทั้งในแนวดิ่งและแนวระนาบ

12. Beam lumen เป็นปริมาณแสงในโซนซึ่งถูกล้อมรอบด้วยส่วนของลำแสงที่มีค่าความเข้มเป็น 10% ของความเข้มสูงสุด

13. Max Beam candle power เป็นค่าความเข้มสูงสุดของดวงโคม ณ จุดใดจุดหนึ่งซึ่งไม่ได้แสดงไว้ในแผ่นรายงานผล การทดสอบข้อมูลแสงสว่าง (Photometric test report)

14. Average Max candle power (AVG. Max candle power) เป็นค่าความเข้มสูงสุดโดยเฉลี่ยซึ่งคิดจาก ค่าความเข้มสูงสุดของดวงโคม ณ จุดใดๆ 10 จุดเพื่อแสดงไว้ในแผ่นรายงานผลการทดสอบข้อมูลแสงสว่าง