การเลือกขนาดสายไฟฟ้า                ที่มา...คู่มือการออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้า Bangkok cable Co Ltd.


      ในการเดินสายเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้า ขนาดของสายไฟจะขึ้นอยู่กับประเภทของอุปกรณ์ไฟฟ้า , วิธีการเดินสาย , อุณหภูมิรอบด้าน รวมไปถึงจำนวนสายที่เดินรวมกัน ดังนั้นผู้ที่ทำหน้าที่เลือกใช้ขนาดสายไฟฟ้าจึงควรรู้ข้อมูลเบื้องต้นคือ

      1. ชนิดของสายไฟฟ้า
      2. พิกัดการทนกระแสของสายไฟ
      3. ตัวคูณลดพิกัดกระแสเกี่ยวกับอุณหภูมิ
      4. ตัวคูณลดพิกัดกระแสเกี่ยวกับจำนวนสาย

      5. อุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆ เป็นโหลดแบบต่อเนื่องหรือไม่

      หมายเหตุ โหลดแบบต่อเนื่องหมายถึงโหลดที่มีโอกาสมีค่ากระแสสูงสุดต่อเนื่องตั้งแต่ 3 ชั่วโมงขึ้นไป

      ขนาดสายเข้าอุปกรณ์

      เป็นสายที่จ่ายกระแสให้วงจรย่อยและสายที่เดินเข้าอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปเช่น หลอดไฟ , เครื่องทำน้ำร้อน , เตาไมโครเวฟ , มอเตอร์ เป็นต้น ซึ่งมีทั้งระบบ 1 เฟส และ 3 เฟส


      ตัวอย่างที่1 จงหาขนาดสายของเครื่องทำน้ำร้อนขนาด 6000 W , 220 V เมื่อใช้งานเป็นโหลดต่อเนื่อง

                        1. เมื่อใช้สาย VAF เดินเกาะผนัง
                        2. เมื่อใช้สาย THW เดินในท่อโลหะร้อยสายในอากาศ

      วิธีทำ         
                        กระแสโหลด             
                        พิกัดกระแสของสายไฟฟ้าสำหรับโหลดต่อเนื่องต้องไม่ต่ำกว่า 125% ของพิกัดกระแสโหลด นั่นคือ

                         กระแสสาย           

      ( กรณีที่ 1 )
       เลือกสาย VAF ขนาด 2 x 6 ตร.มม ทนกระแสได้ 35 A     ( ดูข้อมูลสาย VAF )

      ( กรณีที่ 2 ) เลือกสาย THW ขนาด 10 ตร.มม ทนกระแสได้ 43 A       
      ( ดูข้อมูลสาย THW การเดินสายแบบ ค )


      ตัวอย่างที่ 2 จงหาขนาดสายวงจรย่อยของเตาไมโครเวฟขนาด 2200 VA , 220 V เมื่อใช้สาย THW เดินในท่อโลหะร้อยสายในอากาศ ( เตาไมโครเวฟไม่ใช่โหลดต่อเนื่อง )

      วิธีทำ         

                        กระแสโหลด       

                        พิกัดกระแสของสายไฟฟ้าสำหรับโหลดไม่ต่อเนื่องต้องไม่ต่ำกว่า 100% ของพิกัดกระแสโหลด นั่นคือ

                         กระแสสาย          


      จากข้อมูลสาย THW ที่เดินสายแบบ ค. ขนาดสายที่ทนกระแสได้ไม่ต่ำกว่า 10 A คือ สาย 1 ตร.มม (11 A) แต่เนื่องจาก ข้อกำหนดของการไฟฟ้า ที่ให้ใช้สายป้อนขนาดเล็กที่สุดไม่ต่ำกว่า 2.5 ตร.มม

                         จึงเลือกสาย THW ขนาด 2.5 ตร.มม ทนกระแสได้ 18 A


      ตัวอย่างที่ 3 จงหาขนาดสายของขดลวดทำความร้อน (Heater) ขนาด 40 KW , 380 V 3 เฟส 3 สาย ต้องการใช้สาย THW เดินในท่อโลหะร้อยสายในอากาศผ่านบริเวณที่มีอุณหภูมิ 40 และ 50 องศาเซลเซียส เมื่อใช้เป็นโหลดต่อเนื่อง

      วิธีทำ         
                        กระแสโหลด      

                         กระแสสาย        

      อุณหภูมิ 40 องศา

                เนื่องจากอุณหภูมิ 40 องศา วิธีการเดินสายแบบ ค. ไม่ต้องใช้ตัวคูณลด (ตัวคูณ = 1) ดังตาราง

      อุณหภูมิโดยรอบ

      (องศาเซลเซียส)

      ตัวคูณ
      วิธีเดินสาย ก - ค
      วิธีเดินสาย ง - จ
      21-25
      -
      1.06
      26-30
      -
      1
      31-35
      1.08
      0.94
      36-40
      1
      0.87
      41-45
      0.91
      0.79
      46-50
      0.82
      0.71
      51-55
      0.71
      -
      56-60
      0.58
      -

      ดังนั้น ขนาดกระแสสาย จึงเลือกสาย THW ขนาด 25 ตร.มม ทนกระแส 77 A

      อุณหภูมิ 50 องศา

                จากตาราง ใช้ตัวคูณลด = 0.82

                
                วิธีการเดินสายแบบ ค. ใช้สายขนาด 35 ตร.มม ทนกระแส 95 A


      ตัวอย่างที่ 4 หม้อแปลงไฟฟ้าขนาด 500 KVA , 22KV / 400-230V ถ้าใช้สาย NYY แกนเดียว เดินในท่อโลหะฝังดิน เป็นสายเมนด้านแรงต่ำจากหม้อแปลง จงหาขนาดสายดังกล่าว

      วิธีทำ
                กระแส full load ของหม้อแปลง     

                                                                       
      ใช้สายควบ 3 เส้น       = 902 / 3    = 301 A

      เลือกใช้สายไฟฟ้า     สายเฟส 3 x 150 ตร.มม ทนกระแสรวม = 3 x 322   = 966 A
                                     สายนิวทรัล 3 x 95 ตร.มม ทนกระแสรวม = 3 x 242   = 726 A
      หมายเหตุ
      โหลดของหม้อแปลงไฟฟ้ามีทั้งแบบต่อเนื่องและไม่ต่อเนื่อง ส่วนมากประกอบด้วยโหลดหลายชนิดคือ
           1. โหลด 3 เฟส สมดุล เช่น มอเตอร์ 3 เฟส
           2. โหลดเฟสเดียวที่มี Harmonic เช่น หลอดปล่อยประจุความดันไอสูง( HID )
           3. โหลดเฟสเดียวที่ไม่มี Harmonic
      ในการกำหนดขนาดสายหม้อแปลง เพื่อเป็นการเผื่อไว้ให้ถือว่าโหลดเป็นแบบต่อเนื่องทั้งหมด และขนาดสายนิวทรัลนั้น โหลด 3 เฟสสมดุลไม่ต้องนำมาคิด ให้คิดเฉพาะโหลดเฟสเดียวทั้งที่มีและไม่มี Harmonic เท่านั้น โดยโหลดที่ไม่มี Harmonic สามารถใช้ demand factor = 0.7 กับส่วนที่เกิน 200 A ได้ นอกจากนี้ถ้าโหลด 3 เฟสสมดุล มีขนาดมากกว่า 40% ของโหลดทั้งหมด อาจใช้สายนิวทรัลขนาด 50% ของสายเฟสได้ เนื่องจากสายขนาด 50% โดยทั่วไปสามารถนำกระแสได้ถึง ประมาณ 60%


      ตัวอย่างที่ 5 วงจรสายป้อน 3 เฟส 4 สาย วงจรหนึ่งประกอบด้วยโหลดต่อเนื่อง (เมื่อคิดดีมานด์แฟกเตอร์แล้ว) ดังนี้
                              - โหลด 3 เฟส รวมทั้งหมด     90   แอมแปร์
                              - โหลด 1 เฟส , เฟส A            200  แอมแปร์
                                                      เฟส B            220  แอมแปร์
                                                      เฟส C            240  แอมแปร์
      จงหาขนาดสายเฟสและสายนิวทรัล (ใช้สาย THW เดินในอากาศ) เมื่อโหลดในวงจรไม่มีกระแส Harmonics

      วิธีทำ
      พบว่า เฟส C มีโหลดต่ออยู่มากที่สุด โดยรวมทั้งโหลด 3 เฟส และ 1 เฟส คือ (90 + 240)   =  330  A
      ดังนั้นกระแสของสายเฟสให้คิดตามเฟสที่มีค่ากระแสสูงสุดคือ 330 A
      พิกัดกระแสสายเฟส (ไม่ต่ำกว่า 125% ของพิกัดกระแสโหลด)  = 1.25 x 330      = 412.5 A
      เลือกสายเฟส THW เดินในอากาศขนาด 185 ตร.มม ทนกระแส 424 A

      กระแสสายนิวทรัลให้คิดจากโหลดเฟสเดียวที่มีค่าสูงสุดคือเฟส C = 240 A
      ขนาดกระแสสายนิวทรัล = 200 แอมแปร์ + 70% ของส่วนที่เกิน 200 แอมแปร์
                                           = 200 + (0.7 x 40)   = 228 A
      ดังนั้นขนาดกระแสสายนิวทรัล (ไม่ต่ำกว่า 125% ของพิกัดกระแสโหลด) = 1.25 x 228   = 285 A
      เลือกสายนิวทรัล THW เดินในอากาศขนาด 120 ตร.มม ทนกระแส 316 A

                                                                   

      กลับไปหน้าแรกโฮมเพจออกแบบระบบไฟฟ้า